Posts

Showing posts with the label ความคิด

เหตุผลที่ผลักดันให้เราเริ่มชีวิตการลงทุน

สำหรับเด็กปี4 อย่างผมซึ่งเป็นส่วนน้อยที่มีความรู้ด้านการลงทุนสูงกว่าเพื่อนร่วมรุ่นอย่างมาก มักจะโดนขอให้ช่วยแนะนำการลงทุนแก่เพื่อนๆที่ต่างก็เริ่มสนใจศาสตร์ด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าคงเป็นเรื่องปกติของยุคสมัยนี้ละมั้ง พอพวกเราใกล้เรียนจบต้องไปทำงานรับเงินเดือนหรือบางคนอาจมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราจะเริ่มหาลู่ทางทำเงินให้งอกเงย ซึ่งเป็น mindset ที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนมาก ผมคิดว่าเหตุผลักดันให้แต่ละคนเริ่มสนใจด้านการลงทุนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนลงทุนเพราะเริ่มวางแผนเกษียณ บางคนอยากรวย บางคนอาจแค่อยากเห็นเงินงอกงามดีกว่าการเอาไปฝากธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด นี่เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนชุดความคิดที่เรามีต่อการลงทุน เรามักไม่ค่อยทุ่มเทกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเรามองว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ปัจจัยที่ critical กับตัวเอง เราจึงเห็นว่านักลงทุนมักจะมีกลุ่มที่ทุ่มเทศึกษามันอย่างมากกว่าจะกดซื้อหุ้นซักตัวกับกลุ่มที่ไม่รู้อะไรแล้วซื้อตามโพยผีบอกที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน "ลงทุนเพื่ออะไร" เป็นคำถามที่ผมถามเพื่อนทุกคนที่มาขอคำแนะนำเรื่องการลงทุนจากผม ผมเชื่อว่าหากเขาตอบคำถามนี้ได้ แสดงว่าเขามีแรงผลักดันที่ไม

Stocklog 281216 ข้อคิดจากการ IPO ของหุ้น AU

หลังจากเกิดปรากฎการณ์บวก 200% จากราคา IPO ใน 2 วันของหุ้น AU หรือ After You ซึ่งแม้หลังจากสองวันแรกราคาจะไหลลงเรื่อยๆก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นตัวนี้ "กระแสแรง" จริงๆ จากราคา IPO ที่ 4.50 บาท ณ พาร์ 0.10 ต่ำที่สุดเท่าที่ตลาดยอมให้ได้ ราคาพุ่งถึงจุดสูงสุดที่ 15.20 บาท ณ PE สูงกว่า 100 เท่า ซึ่งส่วนตัวผมเองนั้นรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้แพงพอสมควรตั้งแต่ราคา IPO ซึ่งตอนนั้น PE ก็ประมาณ 30 เท่าแล้ว การขึ้นมาชน Ceiling ในวันแรกและยังพุ่งต่อในวันที่สอง นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจและบ่งบอกถึงความคาดหวังแรงกล้าต่อบริษัทของนักลงทุน ตั้งแต่ผมเริ่มลงทุนมา ต้องยอมรับเลยว่าหุ้นตัวนี้มีสตอรี่ค่อนข้างมาก รวมถึงกระแสดราม่าในหมู่นักลงทุนซึ่งถกเถียงกันเอาเป็นเอาตายเรื่องอนาคตของกิจการคาเฟ่ขนมหวานของบริษัท ซึ่งช่วงนั้นเด้งกันเต็มฟีดบน Facebook ของผม อ่านไปก็เฮฮาบันเทิงกันไป แม้คนเริ่มประเด็นแทบจะด่ากันเองในบางโพสก็ตาม นักวิเคราะห์และนักลงทุนมักให้ความเป็นห่วงเรื่องสินค้าที่ลอกเลียนแบบกันได้ไม่ยากนัก รวมถึงเรื่องกระแสของผู้บริโภคซึ่งบางคนให้ความเห็นว่าในระยะยาวกระแสที่อุ้มชูบริษัทจะหมดไ

ทรัพยากรที่มีค่าที่สุด

ผมชอบอ่านประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ นอกจากเรื่องที่ว่ามันจุดประกายและเป็นแรงบันดาลใจแล้ว มันยังสอนผมให้รู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรตัวนึงที่จำเป็นมากๆในการพัฒนาตนเอง(รวมถึงพัฒนาอย่างอื่น) นั่นคือ "เวลา" ผมมักจะมองว่าเวลาเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งที่เราต้อง "จ่าย" ออกไปเป็นต้นทุนในการพัฒนาและเป็นสิ่งที่เราต้องจ่ายออกไปตลอดทั้งวันทั้งคืน ผมจึงมองเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่ามาก มีจำกัด และไม่สามารถควบคุมได้ และมันจำเป็นกับทุกๆอย่าง ทั้งการพัฒนา การทำงาน การใช้ชีวิต ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับการจัดสรรเวลามาก และไม่ชอบการทำงานที่ฉุกละหุกไปซะทุกอย่าง (โอเค เรื่องฉุกละหุกมันก็มีบ้างเวลาทำงาน แต่ไม่ใช่ฉุกเฉินแม่งทุกเรื่อง อันนั้นเกินไป) ผมมักจะวางแผนเพื่อใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับผมแล้ว ยิ่งผมรู้รายละเอียดของปัญหาที่ผมต้องแก้เร็วเท่าไร ยิ่งมีเวลาให้ผมศึกษาและแก้ไขมันได้มากเท่านั้น บุคคลที่ประสบความสำเร็จมีทั้งคนที่มีเวลามาก มีเวลาน้อย หลายคนเสียดายเวลาที่เสียไปในแต่ละช่วงชีวิต ยิ่งเราจัดสรรเวลาให้กับเรื่องเล็กเรื่องน้อยมากเท่าไร เรายิ่งมีเวลาจัดการเรื่

สิ่งที่ควรทำ ในช่วงที่แทบทุกอย่างในตลาดแพงไปซะหมด

แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดย่อตัวลงมา แต่หลายๆคนคงรู้สึกแบบเดียวกับผม มองไปทางไหนในตลาดทั้งหุ้นที่ดีและไม่ดี แทบทุกตัวล้วนแพงจนไม่น่าซื้อ ยิ่งหุ้นในกระแสยิ่งแล้วใหญ่ ปั่นกันจนดอยสูงมองไม่เห็นยอดกันเลยทีเดียว ผมว่าช่วงนี้นักลงทุนอย่างเราๆไปทำอย่างอื่นนอกจากนั่งเฝ้าตลาดหุ้นกันดีกว่า ไหนๆของมันก็แพงจนบางตัวดูจะเวอร์เกินจริงไปหน่อย เราก็แก้ด้วยการ "รอ" สิครับ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของมหาวิทยาลัย ผมเองก็ปิดเทอม ประกอบกับมีแลกเปลี่ยนต้องไปญี่ปุ่นช่วงต้นกรกฎาคม เลยไม่ได้ทำงานพิเศษอื่นใด เลยต้องวางเป้าหมายที่จะทำในช่วงปิดเทอมนี้ซึ่งผมว่าสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนครับ 4 เป้าหมายที่ผมตั้งใจว่าจะทำช่วงปิดเทอม ณ เวลาที่หุ้นแพงโคตร หนังสือ สำหรับผมเอง มักจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้นและการตลาด ส่วนใหญ่ซื้อมาจากงานหนังสือด้วยความวู่วาม แต่เอาจริงๆสำหรับท่านที่ไม่ชอบเรื่องวิชาการมากๆ อาจจะเป็นวรรณกรรมหรือนิยายก็แล้วแต่ความชอบครับ เกม ด้วยความที่ผมเองโตมาพร้อมกับเกม อีกทั้งเกมยังเป็นแรงบันดาลใจแรกที่ทำให้ผมเลือกเรียนสายไอที ผมจึงเป็นพวกที่มีความสุขกับการได้อยู่เฉยๆนั่งเล่นเกม

[การลงทุน] กับดักของ Passive Income

หายไปนานต้องขออภัย เนื่องจากมรสุมโปรเจค + ไฟนอลมหาลัยดันมาอยู่ช่วงเดียวกัน หลายท่านคงจินตนาการออกว่าโหดร้ายเพียงใด แม้จะยังอยู่ในช่วงไฟนอล แต่ก็อยากเขียนอะ ฉะนั้น ช่างหัวมันไปก่อน เขียนบทความไม่กินเวลาขนาดนั้นหรอก ฮ่าๆๆๆ เชื่อว่าคนวัยทำงานทุกคนต้องเคยได้ยินคำว่า Passive Income หลายคนอาจจะผ่านมันมาแล้ว สำเร็จแล้วหรือล้มเหลวมาแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าทุกคนรู้ ขนาดนักศึกษายังรู้เลยครับ แม้แต่มิจฉาชีพก็ชอบอ้างคำนี้ ฉะนั้นทุกคนคงเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแหละ Passive Income มักมาคู่กับวลีที่ว่า "ให้เงินทำงาน" โดยทั่วไปคนมักเข้าใจว่าแค่เอาเงินไปกองไว้ซักที่(ลงทุน)แล้วก็ปล่อยลืมมันไป นั่งกระดิกเท้ารอรับเงินปันผลหรือผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆโดยไม่ต้องไปลงแรงลงสมองอะไร ซึ่งขอบอกเลยว่าความคิดนี้ ผิดอย่างแรง!!! สาเหตุที่คนเราเข้าใจผิดได้ขนาดนั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องคำนิยามของคำว่า "การทำงาน" มากกว่า ส่วนใหญ่คนเรามักเข้าใจว่าการทำงานคือการเข้าออฟฟิศตรงเวลา นั่งทำงานวันละ 8 ชั่วโมงหรือมากกว่า มีกรอบเวลาการทำงานและตำแหน่งหน้าที่ แต่โดยส่วนตัวผมแล้วการทำงานโดยทั่วไปกับการทำงานที่ให้ Passiv

[การลงทุน] เทคนิคหาของถูกในเวลาที่ของแพงทั้งตลาด

ช่วงที่ผมเขียนบทความนี้ ตลาดหุ้นยังคง side way อยู่ประมาณ 1540 ได้ ซึ่งดูๆไปแล้วก็นับว่าราคาหุ้นตัวใหญ่ๆขึ้นมาสูงจนดูจะแพงเกินพื้นฐานไปมาก เรียกได้ว่าแพงแทบจะทั้งตลาดเลยทีเดียว อาจเป็นโชคหรือเป็นกรรม หรือทั้งสองอย่าง ที่ทำให้ผมเองดันเข้าตลาดมาในช่วงที่ "แพงทั้งตลาด" เหมือนเอาเงินมานอนเล่นในพอร์ทเฉยๆโดยไม่รู้จะซื้ออะไรเลยทีเดียว แต่แล้วเมื่อไม่นานมานี้ผมได้ค้นพบเทคนิคเล็กๆที่ช่วยให้ผมพอจะหา "ของดี" ในช่วงเวลาอย่างนี้ได้ แม้ของที่ได้มาจะไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงจนเกินรับได้ เทียบกับหุ้นยอดนิยมช่วงนี้แล้ว ถือว่าถูกกว่าในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เขาว่ากันว่า โอกาสมักหาได้ง่ายในจุดที่ไม่ค่อยมีคนสนใจหรือมองข้ามมันไป เทคนิคของผมนั้นไม่มีอะไรมากครับ แค่มองในสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่มอง  ในเวลาอย่างงี้สิ่งที่คนทั่วไปไม่ค่อยมองช่วงนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวก อสังหาริมทรัพย์(กองทุนอสังหาที่เทรดในตลาด) กับหุ้นนอกกระแสตัวไม่ใหญ่หลายๆตัวในตลาด ผมค้นพบว่า หุ้นหรือกองทุนอสังหาหลายตัวในตลาด การซื้อขายเรียกได้ว่าทั้งวันอยู่แค่หลักแสน ราคาอยู่เท่าเดิมมาเป็นเดือนๆ(วิ่งขึ้นวิ่งลงน้อยมาก กราฟราคาแทบ

[Mindset] คิดสั้น คิดยาว

คิดสั้น คิดยาว คิดอย่างไรถึงจะดี เป็นที่น่าสนใจว่าวาทะกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการลงทุนมักจะมีคำเกี่ยวกับการคิดสั้นๆและคิดยาวๆเสมอ เห็นกันเกลื่อนไปหมด คิดสั้น หมายถึงการมองไปในอนาคตข้างหน้าเพียงแค่ระยะสั้นๆ มักถูกใช้กับการฆ่าตัวตายและวิธีคิดในการทำงาน สาเหตุที่ใช้กับการฆ่าตัวตายเพราะคงไม่มีคนสติดีที่ไหนลูกขึ้นมาเอามีดกรีดข้อมือหรือหยิบเชือกมาผูกคอตายใต้ต้นไม้หรอกครับ การที่คนจะฆ่าตัวตาย มันต้องมีเหตุ เหตุนั้นมักจะเป็นปัญหาต่างๆที่เขามองว่า "ไม่มีทางออก" แม้ว่าปัญหานั้นเมื่อคนนอกพิจารณา อาจจะพบว่ามีทางออกมากมายให้เลือกเดินเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ใช้กับวิธีคิดการทำงาน ให้นึกถึงพวกพนักงานเช้าชามเย็นชาม สมัยนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นมาก แต่หลายๆคนกลับคิดเพียงสั้นๆ ทำงานให้มันจบๆไปโดยที่ไม่ได้พัฒนาหรือเรียนรู้อะไรจากมันเลย จุดเด่นของคนที่ชอบคิดสั้นๆ มักจะมองเห็นแค่ตัวเอง กับปัญหามากมายสุมรอบตัวอยู่ตรงหน้า หลายครั้งมองไม่เห็นทางออกของปัญหาแถมยังเอาปัญหาพวกนั้นหมกไว้ซะเอง และมักทำอะไรแย่ๆลงไปโดยไม่นึกถึงคนรอบข้าง เช่น ฆ่าตัวตายหนีปัญหาโดยทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง(