เงินกับความสุข

บางคนมักพูดเสมอว่า เงินคือทุกสิ่งทุกอย่าง ในขณะที่บางคนอาจมองว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง เงินและความสุขจึงมักเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาถกเถียงกันเป็นระยะๆเสมอ ไม่ว่าในวงสนทนานั้นจะเป็นคนกลุ่มไหนช่วงวัยใดก็ตาม จริงๆแล้วความสุขกับเงินเป็นของคู่กันจริงๆหรือ ทำไมหลายคนจึงพยายามเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินขนาดนั้น

แม้ผมจะเพิ่งอายุ 23 ณ วันที่เขียนบทความนี้ในปี 2017 ช่วงอายุที่เพื่อนๆหลายๆคนกำลังหางานที่ถูกจริตและจ่ายค่าตอบแทนสูง สำหรับเพื่อนผมบางคนนั้น ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งถ้าพูดกันตามจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ยังไงคนเราก็เสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเองและครอบครัวเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งปัจจุบัน เงินเดือนและสวัสดิการนั้นเป็นสิ่งที่บริษัทให้คำมั่นแก่พนักงานได้ แต่บริษัทให้คำมั่นไม่ได้ว่าพนักงานเข้ามาทำงานแล้วจะมีความสุข เงินเดือนตอบแทนจึงแทบจะกลายเป็นหลักประกันไปกลายๆ ประมาณว่าทำงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขแต่เงินเยอะยังดีกว่าทำงานที่เงินก็ได้น้อยแถมยังไม่มีความสุขอีก (ฉิบหายสองเด้ง)

ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเงิน แต่ถ้าถามผมว่ามันซื้อความสุขได้มั้ย มันซื้อความสุขไม่ได้หรอกครับ แต่ซื้อสิ่งที่จะทำให้เราเข้าถึงความสุขได้แม้จะไม่ทุกอย่างก็ตาม

เราซื้อความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วยเงินไม่ได้ แต่เราซื้อสิ่งที่จะมาเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้

ซื้อสุขภาพดีไม่ได้ แต่ซื้อสิทธิ์การใช้ฟิตเนสซึ่งเปิดโอกาสให้เราออกกำลังกายและดูแลตัวเองให้สุขภาพดี

เงินกับความสุขอาจเรียกได้ว่า ไม่ใช่สองสิ่งที่แปรผันตามกัน แต่การมีมันมาก ช่วยเปิดโอกาสในการเข้าถึงความสุขจากวัตถุหรือการกระทำหลายๆอย่างได้ ถ้าไม่มีเงินเราคงไม่สามารถมีความสุขจากการสร้างตึกเรียนมอบให้โรงเรียนตามต่างจังหวัดหรือสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย จริงมั้ยครับ

Comments

Popular posts from this blog

การลืมตระหนักถึง "ความเสี่ยง"

ยุคสมัยแห่ง Robot

[Mindset] คิดสั้น คิดยาว