ค่าเสียโอกาสกับการขาดทุน

เชื่อไหมครับ บางครั้งคนเราก็หน้ามืดกดเทรดหุ้นไปอย่างวู่วามและไร้เหตุผลที่ดีมารองรับ เพียงเพราะการคิดย้ำซ้ำไปมาในเรื่องของ "ค่าเสียโอกาส"

สำหรับคนที่ไม่คุ้นนะครับ ค่าเสียโอกาสไม่ได้หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เราเสียเงินหรือทรัพย์สินไปจริงๆ แต่หมายถึงโอกาสใดๆที่ผ่านเข้ามาแล้วเราไม่ได้คว้ามันเอาไว้ โดยปกติผมคิดว่ามันเป็น "ความรู้สึกเสียดาย" ซะมากกว่า จึงไม่แปลกนักที่ความรู้สึกเสียดายที่เรียกเป็นทางการว่าค่าเสียโอกาสนี้ จะส่งผลค่อนข้างมากต่อการตัดสินใจซื้อขายหุ้นซึ่งส่วนมากมักจะพาเราติดดอยมากกว่าทำกำไร

จริงอยู่ที่นักลงทุนทุกคนล้วนกลัวการขาดทุน แต่ในหลายๆคน กลับกลัวการเสียโอกาสมากกว่ากลัวขาดทุน บางครั้งพวกเขาเชื่อว่านี่เป็นโอกาสซึ่งถ้าไม่คว้าไว้ก็อาจจะไม่ได้เห็นโอกาสแบบนี้อีกนาน โดยส่วนมากความเข้าใจแบบนี้มักจะเกิดจากการหลงชอบหุ้นตัวนั้นๆ โดนเชียร์จากโบรคเกอร์ โดนเป่าหูไม่ว่าจะจากบทวิเคราะห์หรือคนรอบตัว บางครั้งอาจมาจากโพยผีบอกตามห้องไลน์หรือในอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ ส่งผลให้พวกเขามักจะขาดทุนจากการเทรดเพราะโดนความอยากและความเสียดายบังตา

ถ้าคุณคิดว่าหุ้น A จะโตต่อ วิธีหนึ่งที่ผมเคยทำคือ แบ่งซื้อเป็นล็อตย่อยๆหรือไม่ก็ซื้อเฉลี่ย DCA ไปเลย(เรื่อง DCA ผมจะไว้พูดในบทความต่อๆไปนะครับ) ซึ่งถ้าหุ้นขึ้นตอนที่เรายังเก็บไม่ได้จำนวนตามต้องการ ผมถือว่าการคาดการณ์ของผมนั้นถูกต้อง และเราก็ยังได้กำไรมาบ้างจากหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้านั้น ในขณะเดียวกัน หากการคาดการณ์นั้นผิดพลาด ผมจะขาดทุนเฉพาะล็อตที่ซื้อไป เรียกได้ว่าเป็นการจำกัดการขาดทุนแบบหนึ่งครับ

สิ่งที่ควร concern ไม่ใช่เราเสียโอกาสไปเท่าไร แต่ควรเป็น เราขาดทุนไปเท่าไร มากกว่า
สำหรับผม การรักษาทุนตั้งต้นให้ได้มากที่สุด เป็นสิ่งที่ควร concern เป็นอันดับแรกๆ เมื่อเราผิดพลาดและขาดทุน เราควรจำกัดความเสียหายจากการขาดทุนนั้นให้แคบที่สุดและน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ผมมองว่าหากเรามีทุนเหลือมากพอ เราสามารถกอบกู้ความเสียหายนี้ได้ในอนาคตและยังสามารถนำความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียนสำหรับการลงทุนต่อจากนั้นได้
แต่หากเราเสียทุนส่วนใหญ่หรือทั้งหมดไป แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกอบกู้ความเสียหายเหล่านั้นได้ ยิ่งหากทุนเหลือน้อยมากๆหรือไม่มีเลย เราอาจไม่สามารถลงทุนต่อได้ซึ่งเท่ากับปิดโอกาสแก้ตัวไปโดยปริยาย

เสียโอกาสมันแค่เสียดายครับ แต่ไม่ได้เสียเงินจริงๆ อย่าไปกังวลกับมันมากนักเลยครับ

Comments

Popular posts from this blog

การลืมตระหนักถึง "ความเสี่ยง"

โปรเจคจบกับโอกาสเติบโตสู่ Fintech Startup

ยุคสมัยแห่ง Robot