โปรเจคจบกับโอกาสเติบโตสู่ Fintech Startup
เท่าที่จำได้ ผมไม่เคยพูดถึงเรื่องโปรเจคจบซึ่งผมกำลังทำอยู่ ณ เวลาที่เขียนบทความนี้เลย งานแรกที่ผสมผสานความรู้ของทั้งฝั่งการลงทุนและฝั่งไอทีเข้าด้วยกัน ในสเกลที่มีความเป็นไปได้ที่มันจะกลายเป็น "บางสิ่ง" ที่ใช้งานได้จริงๆ
โปรเจคจบของผมคือเว็บที่ย่อยและนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์เชิงคุณภาพของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ซึ่งเอาจริงๆมันคือการเอาข้อมูลมาให้คอมสกรีนขั้นต้นตามเงื่อนไขที่ผมอยากได้ซะมากกว่า ต้นตอของมันก็มาจากความขี้เกียจสกรีนหากองทุนดีๆด้วยตัวเองนี่นะ มันน่าเบื่อจะตาย
ผมมองโปรเจคตัวเองอยู่ในสเกลเล็กๆมาโดยตลอด อาจจะเนื่องจากมันเกิดขึ้นจากความอยากได้อยากมีของผมเอง เลยไม่ค่อยสนใจถึงศักยภาพของมันในเชิงพาณิชย์จริงๆเท่าไร จนกระทั่งวันนึงที่มีคนจากบริษัท G-Able มาดูโปรเจคจบของนักศึกษาสาย BI ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สำหรับผมในวันนั้นนอกจากความตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้โชว์ของให้คนนอกแล้ว การนำเสนอครั้งนั้นผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก แต่บรรดากรรมการซึ่งมาจาก G-Able ตอนนั้นแลดูจะสนใจงานที่ผมทำ
หลังจากที่ทางบริษัทเลือก 5 กลุ่มไปคุยต่อที่บริษัท ซึ่งผมเป็นหนึ่งในนั้น โดยยื่นข้อเสนอเรื่องการสนับสนุนเพื่อก้าวไปเป็น Startup ซึ่งจนถึงวันที่ผมเขียนบทความนี้ ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจไปเหมือนกันว่าพาโปรเจคไปทางไหน
เหตุการณ์นั้นทำให้ผมรู้ถึงศักยภาพที่โปรเจคผมสามารถทำได้ แต่นอกจากปัญหาเรื่องทีมพัฒนา(ซึ่งต้องการ Developer เก่งๆมาโค้ดแทนผม) ยังมีปัญหาใหญ่ที่สำคัญมากๆอยู่
Algorithm ที่ผมใช้คิดขึ้นมาเพื่อใช้ในโปรเจคนี้ มันไม่ใช่อะไรที่ซับซ้อนยากแก่การเข้าถึงเลย ตรงกันข้าม มันกลับเป็นสูตรแสนง่ายที่ใครๆก็คิดออกแต่แค่ไม่ค่อยเห็นใครเอาสูตรง่ายๆแบบนี้มาใช้กัน
สิ่งที่ขาดไปคือ Barrier of entry นั่นเอง
Algorithm ที่ผมคิดค้นขึ้นตอนนี้ ไม่สามารถสร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืนได้แน่ๆ ถ้าผลักมันเลื่อนระดับจากโปรเจคจบสู่ "บางสิ่ง" ที่ทำเงินในเชิงธุรกิจได้ ซึ่งผมพูดได้เลยว่าทุก Startup ที่ผมรู้จักและล้มเหลว พลาดในเรื่อง Barrier of entry
จบจาก G-Able ก็มีงานแข่ง Fintech Startup ภายในมหาลัยช่วงที่เขียนบทความนี้ ซึ่งทางคณะได้ Finansia Cyrus มาร่วมจัดงานแข่งนี้ สิ่งที่ผมสนใจไม่ใช่เรื่องเงินหรือทุน แต่เป็นตัวผู้จัดมากกว่า
การสมัครแข่งครั้งนี้ สิ่งที่ผมต้องการคือคำแนะนำจากหนึ่งใน Broker ซึ่งคลุกคลีในแวดวงการลงทุน
นั่นสินะ ถ้าให้พูดตามจริง ผมยังไม่เชื่อว่างานผมมันจะกลายเป็น Startup แยกเดี่ยวๆแบบ eFinance หรือ Jitta แต่มันน่าจะเป็นใบเบิกทางสู่โอกาสใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆมากกว่า
Comments
Post a Comment