เมื่อการตัดสินใจผิดเพี้ยนไปเพราะ Information Overload

ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งในบรรดาเทคโนโลยีที่มนุษย์พัฒนาขึ้นคือ มันทำให้เราเปลี่ยนโลกธุรกิจที่เดิมเราแทบไม่รู้อะไรเลยให้กลายเป็นโลกที่เรารู้มันทุกสิ่งอย่างจนมากเกินไป ในเวลาแค่ประมาณ 20 ปี


ยุคสมัยนี้มีคำกล่าวที่ว่า ข้อมูลเปรียบเสมือนบ่อน้ำมัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของข้อมูลที่เดิมพวกเราคิดว่ามันไม่มีค่า มันสร้างความได้เปรียบมากมายในโลกธุรกิจสำหรับคนที่เห็นค่ามันและไม่ตกอยู่ในด้านมืดของมัน

หากการรู้ข้อมูลมากมายสร้างโอกาสและมุมมองให้กับธุรกิจเป็นด้านสว่าง อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นด้านมืดของมันคงเป็นการรับข้อมูลมากๆและจัดการไม่ได้จนมันส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

ตัวอย่างของ Information Overload แบบใกล้ตัวผม ก็เป็นเรื่องธุรกิจอพาร์ทเมนต์ที่ครอบครัวผมทำนี่แหละครับ

หากจำปี 54 ที่น้ำท่วมได้ หลายๆคนคงจำได้ว่ามีเหตุการณ์ย้ายฐานการผลิตหลายโรงงานเป็นจำนวนมาก หลายๆที่ถึงกับเลิกกิจการเลยก็มี ซึ่งกิจการทางบ้านของผม ได้รับผลกระทบจาก Demand ที่ลดลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในความคิดผม นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาครับ

ครอบครัวผมค่อนข้างเฉื่อยมากในการตัดสินใจทางธุรกิจ คนที่มีอำนาจซึ่งเป็นคุณอา บอกซ้ำๆว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี โรงงานย้ายฐานบ้าง ปิดกิจารบ้าง ทำการตลาดไปก็ไม่คุ้ม (เห็นมาแนวๆนี้ตั้งแต่ปี 54 ยันวันเขียนบทความนี้ ปี 59)

จากความดื้อดึงไม่มองโลกตามความจริงหรืออะไรก็ตามแต่ มันส่งผลให้กิจการบ้านผม "ไม่ทำอะไรซักอย่าง" เพื่อแก้ปัญหาผู้เช่าลดลง

คนที่มีอำนาจทำวันๆเอาแต่ขลุกอยู่หน้าคอม รับข้อมูลจากข่าวในโซเชียลบ้าง ทีวีบ้าง ทั้งข้อมูลเศรษฐกิจระดับใหญ่ เทรนด์ต่างๆ ข่าวนู่นนี่นั่นทั้งวันจนจิตตก กลัวไปทุกอย่างจนไม่กล้าทำอะไร
พวกเขาบข้อมูลมากแต่ไม่สามารถคัดกรองได้ว่า อันไหนเกี่ยวเนื่องต่อความอยู่รอดของกิจการที่กำลังแย่

สิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยคือ คุณมีอพาร์ทเมนต์ที่มีประมาณ 70 ห้อง คุณต้องการคนที่ต้องการเช่าอย่างมากก็ 70 คน คำถามคือคุณจะไปสนใจเรื่อง demand ห้องที่ลดลงเพราะเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ไปมากมายนักทำไม ในเมื่อสิ่งที่คุณต้องทำ ณ ตอนนี้คือทำยังไงที่จะดึงแชร์จากตลาดที่มีอยู่ มาเติมห้องว่างให้มีคนเช่า มันไม่เกี่ยวข้องมากนักว่ามีคนย้ายเข้าออกในพื้นที่นี้ จังหวัดนี้เดือนละเท่าไร แต่ Capacity ของคุณมันมีแค่ 70 ห้อง ต่อให้คนย้ายเข้ามาเป็นหมื่นคุณก็รับได้แค่ 70

ในตลาดมี Demand เสมอ คำถามที่คุณควรหาคำตอบคือ ทำยังไงให้ Demand ที่ยังมีในตลาดในพื้นที่หันมาใช้บริการของคุณและคุณจะทำยังไงเพื่อหา Demand มาเพิ่มจากแหล่งอื่น

มันอยู่ที่การตัดสินใจครับว่าคุณอยากเป็น "เจ้าแรก" ที่คนเข้ามาแล้วจะนึกถึง หรือจะเป็น "เจ้าสุดท้าย" ที่คนเข้ามาเพราะมันไม่มีทางเลือก

คุณไม่สามารถเอาเรื่องระดับ Macro ที่มักเป็นข้อมูลที่สื่อนำเสนออย่างเดียว มาบริหารกิจการเล็กๆที่โฟกัสที่ระดับ Micro ได้นะครับ เว้นแต่คุณทำเครืออพาร์ทเมนต์ที่มีจำนวนห้องนับพันห้อง ซึ่งถ้ากิจการคุณยังไม่ใหญ่ขนาดนั้น ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะไปให้ความสำคัญกับเรื่องระดับ Macro มากขนาดนั้นครับ

Comments

Popular posts from this blog

มารู้จักกับ Student Syndrome และผลกระทบของมัน

ปริญญาโทวันแรก กับคำถามที่ไม่ควรเกิดในเวลานี้

เงินกับความสุข