Digital Disruption กับการปรับตัวของธุรกิจ

เมื่อเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาอย่างรวดเร็วจนสามารถสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อรูปแบบการทำธุรกิจ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ณ โมเมนต์นี้ ธุรกิจทุกระดับจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา การหยุดพัฒนาในยุคนี้มีค่าเท่ากับการเดินถอยหลัง

ในอดีตเราอาจเคยได้ยินถึงเรื่องราวการอพยพของชาวจีนที่มาตัวเปล่าแล้วประสบความสำเร็จ (ที่เขาพูดกันว่าเสื่อผืนหมอนใบนั่นแหละ) การทำธุรกิจแบบช้าแต่มั่นคงซึ่งหลายคนในปัจจุบันก็คงฝันหวานถึงการทำธุรกิจแบบนั้นและประสบความสำเร็จ

โอกาสของธุรกิจยุคที่แล้วคือการเข้าไม่ถึงข้อมูลของลูกค้า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองอยากได้นั้นมีผลิตที่ไหน ขายที่ไหน ง่ายที่สุดคือไปหาคนที่เอาของพวกนี้มาขาย เพียงแค่เรารู้ว่ามีอะไรที่ลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่นั้นต้องการแต่ไม่มีใครเอามาขาย นั่นก็เป็นโอกาสเราแล้ว ยิ่งสินค้านั้นมีความเฉพาะหรือมี Barrier สูงเท่าไร ลูกค้ายิ่งไม่มีทางเลือกมากนัก เจ้าของธุรกิจแทบจะเรียกได้ว่า อยู่เฉยๆเตรียมของไว้ก็ได้กำไรสบายๆ

ทีนี้กลับมาที่โลกยุคปัจจุบัน โลกที่ Internet มีอิทธิพลสูงมากในชีวิตประจำวัน โลกที่การสื่อสารครอบคลุมแทบทั้งโลก รู้ถึงรู้ทันกันหมด ลูกค้าปัจจุบันแทบจะรู้เลยด้วยซ้ำว่าของที่เอามาขายมีต้นทุนเท่าไร ผลิตจากที่ไหน ทุกคนเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานที่บนโลก

เราไม่สามารถจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดิมได้ เพราะลูกค้ารู้ว่าคุณเอาของมาจากไหนในราคาเท่าไร และด้วยระบบ Logistics ที่พัฒนาไปมาก หากมีโอกาสและคุ้มค่า ลูกค้าก็พร้อมที่จะสั่งสินค้าจากต้นทางโดยตรงโดยไม่ผ่านตัวกลาง หรือถ้าไม่สั่งจากต้นทาง ลูกค้าก็อาจเจอร้านที่ขายถูกกว่า บริการดีกว่า โปรโมชั่นน่าสนใจกว่า และคุณก็จะเสียลูกค้าไปเพราะความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าในปัจจุบัน

แต่บางครั้ง สิ่งที่มาแย่งส่วนแบ่งตลาด กลับไม่ใช่คู่แข่งที่ทำธุรกิจรูปแบบเดียวกัน แต่เป็นคู่แข่งที่มีโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ซึ่งมีเทคโนโลยีเป็นพื้นฐาน

ถ้าผมบอกว่า "ผมจะให้เช่าห้องพักโดยที่ผมไม่มีห้องเป็นของตัวเอง" เมื่อสิบปีที่แล้ว คนต้องหาว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ
ถ้าผมบอกว่า "ผมจะทำอู่รถแท๊กซี่โดยไม่ลงทุนซื้อรถมาเป็นของตัวเอง" เมื่อสิบปีที่แล้ว ก็ต้องมีคนว่าผมบ้าแน่นอน

สองโมเดลนี้ คือโมเดลของ AirBnB และ Uber นั่นเอง

Uber ส่งผลรุนแรงต่อวงการแท๊กซี่ เพราะสิ่งที่แท๊กซี่ดั้งเดิมขาดคือการพัฒนาการบริการ
AirBnB กระทบกลุ่มโรงแรมโดยตรง จากการให้ผู้เข้าพักสัมผัสถึงวัฒนธรรมของเจ้าของห้องในรูปแบบที่โรงแรมทำไม่ได้

ปัจจุบันคู่แข่งไม่ได้มีแค่ในวงการเดียวกันแล้วนะครับ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมี Startup รายใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า เข้ามาแย่งลูกค้าจากธุรกิจดั้งเดิม

ถ้าธุรกิจดั้งเดิมยังเสือนอนกิน ทำเหมือนสิ่งที่ทำมาตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา ผมรับรองได้เลยครับว่าแค่รักษาตัวเองให้รอดในตลาดก็เหนื่อยแล้ว

Comments

Popular posts from this blog

มารู้จักกับ Student Syndrome และผลกระทบของมัน

ปริญญาโทวันแรก กับคำถามที่ไม่ควรเกิดในเวลานี้

เงินกับความสุข