[การลงทุน] ทำไมต้องเป็น "ทองคำ"

บ้านใครชอบเสพข่าวเรื่องสงครามจะเกิด / อเมริกาจะก่อสงคราม / จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เร็วๆนี้ บลาๆ (บ้านผมก็เป็น พูดตั้งมาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้วได้) คงจะมีความคิดเรื่อง ซื้อทองคำเก็บไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งแม้เรื่องสงครามนี่ออกจะมโนเวอร์เกินจริงเหนือทุกตรรกะเหตุผลจนผมเองก็ไม่เข้าใจว่าเชื่อกันได้ยังไง แต่ในเรื่องที่แม่งโคตร illogical เหล่านั้น ก็ยังมีความจริงอยู่

-- รูปนี้ดึงมาจาก www.tnews.co.th --

หลายคนคงสงสัย "ทำไมต้องเป็นทองคำ"

เหตุผลจริงๆมีข้อเดียวเลยคือ

ทองคำเป็นแร่ธาตุที่ใช้ประกันค่าเงินตรา

ทั้งนี้ยกเว้น US Dollar
โดยปกติแล้ว การที่รัฐบาลในโลก(ยกเว้นอเมริกา) จะพิมพ์เงินออกมา จำเป็นต้องมีทองคำสำรองไว้ในคลังเพื่อค้ำประกันค่าเงินที่พิมพ์ออกมา ยิ่งพิมพ์ออกมามาก ก็จำเป็นต้องมีทองคำในคลังมาก กล่าวได้อีกอย่างคือ ทองคำคือมูลค่าที่แท้จริงของเงินตรา

หากมองอีกด้าน ทองคำเป็นวัตถุที่มีค่าในตัวของมันเอง เห็นได้จากวิกฤติเงินเฟ้อของบางประเทศ เมื่อเงินด้อยค่าลงมากๆจากการพิมพ์เงินมหาศาลจนแทบจะด้อยค่า ประชาชนในประเทศนั้นๆจะเริ่มทิ้งเงินตราของประเทศตัวเองและเริ่มค้าขายด้วยเงินตราประเทศอื่น หรือไม่ก็ค้าขายกันด้วยทองคำ

ทองคำนั้นมีค่าคงที่เสมอ(ที่ไม่คงที่คือเงินตราที่ไปอ้างอิงกับทองคำ) มันจึงกลายเป็นสินทรัพย์ที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่เหนือวิกฤติเศรษฐกิจทุกรูปแบบ เหนือทุกอัตราเงินเฟ้อ การซื้อทองเก็บไว้จึงเป็นหนึ่งในวิธีกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน

แต่การทุ่มหมดตัวกับการเก็บทองคำ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนะครับ
เพราะอะไร ?

ตามที่ผมบอกไป ทองนั้นมีค่าที่แท้จริงคงที่สิ่งที่เปลี่ยนคือมูลค่าของเงินตราที่อ้างอิง นั่นหมายความว่าทองไม่สามารถเพิ่มมูลค่าด้วยตัวเองได้ ในขณะที่หุ้นและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มได้(ตามกำไร ยอดขาย ทำเล และอื่นๆ ทั้งนี้ไม่นับรวมถึงการเก็งกำไรและปั่นราคานะครับ)

โดยส่วนตัว ผมก็ถือครองทองคำอยู่ ในรูปของทองแท่ง แต่นั่นเป็นส่วนที่ผมกันไว้เป็นหลักประกันในกรณีลงทุนผิดพลาด จะด้วยเพราะวิกฤติเศรษฐกิจหรือเพราะความโง่ของตัวเองก็ตาม เป็นสินทรัพย์สำรองเผื่อฉุกเฉิน ทำให้มั่นใจได้ว่าผมจะไม่หมดตัวและมีทางรอดต่อไป ทองจึงเป็นส่วนเล็กๆในพอร์ทของผม และเป็นเงินเย็นระยะยาว(ไม่ขายออกมาถ้าไม่ฉุกเฉินหรือจำเป็นจริง) 



คนเราไม่สามารถล่วงรู้อนาคตได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะพังวันไหน สงครามจะเกิดเมื่อไร แต่ถ้าเรากลัวและจมปลักอยู่กับมัน เพียงเพราะได้ยินต่อๆกันมา เราอาจไม่ขาดทุนและไม่เสียอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่คุณเสียแน่ๆคือ "โอกาส"

ลองคำนวณดูนะครับ ว่าโอกาสการลงทุนต่างๆที่ผ่านมาแล้วคุณไม่กล้าเพราะกลัวอนาคต คุณเสียไปเท่าไรแล้ว

Comments

Popular posts from this blog

การลืมตระหนักถึง "ความเสี่ยง"

โปรเจคจบกับโอกาสเติบโตสู่ Fintech Startup

ยุคสมัยแห่ง Robot